บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก 2010

4 สูตรทำหน้าใสได้ด้วยตัวเอง

รูปภาพ
ผู้หญิงทุกคนใครอยากมีหน้าใส   วันนี้มี 4 สูตรหน้าใสมาฝากเป็นเกร็ดความรู้และเคล็ดลับให้ลองทำ 1. สูตรเพิ่มความสดชื่นเปล่งปลั่งให้กับผิวหน้า ให้ท่านล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นจนสะอาด จากนั้นนำแอปเปิ้ลที่ยังไม่ปลอกเปลือกครึ่งผลมาปั่นพอละเอียด แล้วนำมาพอกหน้าเว้นเปลือกตา ทิ้งไว้ประมาณ 25 นาที แล้วล้างออก 2. สูตรลดริ้วรอย ทำให้หน้านวลใส ให้นำแอปเปิ้ลครึ่งผลมาปั่นพอละเอียด จากนั้นก็มะนาวมาคั้นเอาแต่น้ำประมาณ 1 ช้อนชาใส่ลงไป แล้วผสมให้เข้ากัน จากนั้นนำมาพอกให้ทั่วหน้า เว้นบริเวณรอบดวงตาไว้ ทิ้งไว้ 10 นาที แล้วล้างออก 3. สูตรหน้าเด้ง ไม่หยาบกร้าน นำโยเกิร์ต 3 ช้อนโต๊ะมาผสมกับมะเขือเทศลูกเล็ก ๆ ประมาณ 3 ลูก ปั่นโยเกิร์ตกับมะเขือเทศพอละเอียด แล้วนำมาพอกหน้าให้ทั่ว โดยเว้นรอบดวงตา ทิ้งไว้ 15 นาที แล้วล้างออก 4. สูตรขัดหน้าขาว และลดริ้วรอยหมองคล้ำ นำโยเกิร์ต 1 ถ้วย แล้วผสมกับเกลือป่นละเอียด 1 ช้อนโต๊ะผสมให้เข้ากัน นำมาพอกให้ทั่วใบหน้า แล้วขัด ๆ ถู ๆ ให้ทั่ว ขัด 5 นาที ทิ้งไว้อีก 5 นาที แล้วล้างออก ทำเดือนละครั้งกำลังดี คล้ายๆ กับการสครับหน้านั้นเอง เพียงแค่ 4 สูตรง่ายคุณก็มีผิวหน้าใส ส

8 วิธีทำหน้าใส ได้อย่างใจคิด

รูปภาพ
เคล็ดลับหน้าใส ใครๆก็ต้องการทรายกันทั้งนั้น จริงมั้ยคะ? วันนี้โบว์มี 8 เคล็ดลับวิธีทำหน้าใสได้อย่างใจคิดมาฝากกันค่ะ ข้อแรกนะคะ ถ้าเป็นคนที่ชอบแต่งหน้า เราก็ควรที่จะรู้จักวิธีเช็ดทำความสะอาดผิวหน้าของเราอย่างถูกวิธี เพื่อผิวหน้าของเราจะได้สะอาด หน้าใสไร้สิวนะจ๊ะ 2. ล้างหน้าให้สะอาดและถูกวิธี เพื่อผิวสวยหน้าใส โดยเลือกสบู่ล้างหน้าให้เหมาะกับผิวของตนเองนะคะ อย่างเช่น ถ้าเป็นคนผิวมัน ก็ควรเลือกใช้สบู่แบบออยล์คอนโทรล เป็นต้นค่ะ และไม่ควรหน้าล้างเกินวันละ 2 ครั้ง เพราะจะทำให้ผิวหน้าขาดความชุ่มชื้นได้นะคะ 3. ก่อนล้างหน้าควรล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นเพื่อเป็นการเปิดรูขุมขน หลังจากนั้นใช้สบู่ล้างหน้าและล้างฟองออกด้วยน้ำเย็น เพื่อปิดรูขุมขนค่ะ ซับหน้าด้วยผ้าขนหนูเบาๆและใช้สำลีชุบโทนเนอร์เช็ดหน้าอีกครั้งค่ะ เพื่อกระชับรูขุมขน 4. หลังจากล้างหน้าทุกครั้ง ควรทาครีมบำรุงผิว เพื่อทดแทนความชุ่มชื่นที่เสียไปจากการล้างหน้า เพื่อป้องกันริ้วรอยและรอยหมองคล้ำต่างๆก่อนวัยอันควรจ๊ะ 5. หาเวลาว่าง พอกหน้าและขัดหน้าสัปดาห์ละ1ครั้งนะค่ะ เพื่อเป็นการทำความสะอาดผิวหน้าที่ลึกซึ้งมากกว่าการล้างหน้าตามปกติ บำรุง

ครบเครื่องเรื่องครีมกันแดด

รูปภาพ
ประโยชน์ของครีมกันแดด      ช่วยปกป้องการทำลายเซลล์ผิวหนัง จากรังสีอุลตร้าไวโอเลตในแสงแดด ซึ่งเป็นต้นเหตุของมะเร็งผิวหนัง และยังทำให้เกิดการสร้างเม็ดสีใต้ผิวหนัง ในคนเอเชียโอกาสที่จะเกิดมะเร็วผิวหนังมีไม่มากนัก ดังนั้นการใช้ ครีมกันแดด จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกัน การเกิดจุดด่างดำบนผิวหนังมากกว่า ประเภทของครีมกันแดด      ครีมกันแดด มีทั้งหมด 3 ประเภท ดังนี้คือ 1. Chemical Sunscreen      เป็น ครีมกันแดด ที่มีส่วนผสมของสารเคมี ทำหน้าที่ปกป้องแสงแดด โดยการดูดซับรังสีแสงแดดเข้าไว้ในผิว ซึ่งหลังจากโดนแดดสักพัก สารเคมีเหล่านี้ก็เสื่อมสภาพ นั่นคือสาเหตุที่เราจึงต้องทา ครีมกันแดด ทุกๆ 2-3 ชั่วโมง การเลือกใช้ ครีมกันแดด ที่มีค่า SPF สูงๆ ซึ่งมีส่วนผสมของสารเคมีปริมาณมาก อาจเกิดการระคายเคืองต่อผิวหนังโดยเฉพาะคนที่มีผิวแพ้ง่าย 2. Physical Sunscreen      เป็น ครีมกันแดด ที่มีส่วนผสมของสาร ที่สามารถสะท้อนรังสี UVA และ UVB ออกไปจากผิวหนัง ซึ่งสารในกลุ่มนี้จะมีผลระคายเคืองต่อผิวหนัง น้อยกว่าสารในกลุ่มแรก แต่มีข้อด้อยคือ ครีมกันแดด ประเภทนี้ไม่สามารถให้ SPF ที่สูงๆ ได้ และเมื่อทาบนผิวหนังแ

วิธีเลือกซื้อครีมกันแดด

วิธีเลือกซื้อครีมกันแดด      ใน แสงแดดมีรังสีอยู่หลายชนิดนะครับ ที่รู้จักกันดีก็คือ อุลตราไวโอเลต (UV) ซึ่งรังสีนี้จะถูกดูดซับโดยชั้นโอโซน มีแค่ UVAและ UVB ที่ลงมาถึงพื้นโลก ซึ่งรังสีทั้ง 2 ชนิดนี้มีผลต่อผิวหนังโดยเฉพาะ UVA มีผลทำให้เกิด กระ ฝ้า เหี่ยว แก่ก่อนวัย UVB มีผลทำให้เกิดการ แดง แสบ ไหม้ ของผิวหนัง และรังสีทั้ง 2 ชนิดนี้ยังทำให้เกิดอนุมูลอิสระ ซึ่งจะทำลายโปรตีนพันธุกรรมทำให้เกิดเนื้องอกผิวหนังได้ครับ แต่ไม่ต้องตกใจนะครับเพราะว่า... วันนี้ผมมีวิธีเลือกซื้อครีมกันแดดมาฝากกันครับ 1. SPF (Sun Protective Factor) ซึ่งเป็นตัวบอกว่า ป้องกัน UVB ได้กี่เท่าส่วน UVA ยังไม่มีค่ามาตรฐาน ปัจจุบันนิยมใช้ PA และเครื่องหมาย + ปกติคนไทยมีผิวคล้ำซึ่งเม็ดสีสามารถป้องกัน UVB ได้บ้างแล้ว ดังนั้น SPF มากกว่า 15 และ PA++ ขึ้นไป ก็เพียงพอ 2. ดูที่กิจกรรม ถ้าออกกำลังกลางแจ้ง มีเหงื่อ ว่ายน้ำ ทำงานกลางแดด ต้องใช้ SPF ที่สูงขึ้นและเลือกประเภทที่กันน้ำได้ (Water Proof หรือ Water Resistance) 3. ปริมาณ ควรใช้ปริมานที่ไม่น้อยเกินไป เพราะสารเคมีอาจทำปฏิกิริยากันทำให้ลดคุณภาพลงไป 4. จำนวนครั้งที่

"แฮปปี้" ทำเก๋ขายซิมคู่ครีมกันแดด

     รายงานข่าวจากบมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเกชั่น (ดีแทค) เปิดเผยว่า แฮปปี้จากดีแทคได้ร่วมกับ ไมนัส-ซัน จากแพน ราชเทวี กรุ๊ปจับมือข้ามธุรกิจเป็นครั้งแรกโดยนำแพ็คเกจ"ซิมกันแดด SPF 29 สตางค์"มาผนวกคู่ผลิตภัณฑ์กันแดด"ไมนัส-ซันเฟเชียล ซัน SPF40"พร้อมวางจำหน่ายในร้านขายยาร้านวัตสัน ร้านบู๊ทส์ ทั่วประเทศ ระหว่งเดือนมีนาคม-เมษายนนี้ ชูปกป้องผิวสวย 2 ต่อจากแสงแดด และค่าโทรที่แผดเผา      นายพรชาย พิริยบรรเจิด กรรมการผู้จัดการ บมจ.แพน ราชเทวี กรุ๊ป กล่าวว่า เป็นครั้งแรกที่ไมนัส-ซันจับมือกับพันธมิตรในธุรกิจโทรคมนาคม ซึ่งนับเป็นโอกาสที่เป็นไปได้ยากแต่เนื่องจากช่วงนี้เป็นจังหวะที่แฮปปี้ได้ เปิดตัวซิมกันแดดที่มีแนวความคิดที่ตรงกับไมนัส-ซันได้เป็นอย่างดีและไม นัส-ซันก็เป็น ผลิตภัณฑ์กันแดด ที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าทั่วประเทศ เข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่มีความสนใจในการเลือกผลิตภัณฑ์กันแดดที่มีประสิทธิภาพ ผ่านร้านขายยา ร้านบู๊ทส์ และวัตสันทั่วประเทศ เราจึงได้ร่วมมือกันนำซิมกันแดดร่วมแคมเปญจำหน่ายพร้อมกับไมนัสซันในช่วง หน้าร้อนนี้      ด้านนายวรรษิษฐ์ ไสยวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโส

ครีมกันแดดสำหรับ "เด็ก" ใครคิดว่าไม่สำคัญ

โดย ตุลยย์      หลายคนคงคิดว่าการที่เด็กใช้ ครีมกันแดด เป็นเรื่องสิ้นเปลือง และยังกังวลว่าลูกหลานจะเกิดอาการแพ้ระคายเคืองเพราะผิวยังอ่อน รวมทั้งเด็กๆ ยังไม่มีปัญหาเรื่องฝ้า กระ โดยนพ.พรเลิศ ระบุไว้ในบทความว่า เท่าที่สังเกตอายุของผู้ที่เริ่มทาครีมกันแดดจะประมาณเกือบ 20 ปี เทียบแล้วคือวัยเข้ามหาวิทยาลัย      ที่จริงแล้วข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ออกหนังสือเตือนว่าทุกคนควรทาครีมกันแดด โดยเฉพาะกับเด็ก เนื่องจากรังสียูวีมีพลังงานสูง โดยแผ่มาจากดวงอาทิตย์ผ่านชั้นบรรยากาศโลก โอโซนในบรรยากาศจะกรองออกไปบางส่วน ที่เหลือก็มาถึงผิวโลก รังสียูวีมีผลเสียต่อร่างกายในหลายๆ ระบบ ดังนี้ - ผิวหนัง ทำให้ผิวไหม้เกรียม ฝ้า กระ แก่ก่อนวัย มะเร็งผิวหนัง - ตา รังสียูวีเร่งการเกิดต้อกระจก การโดนรังสียูวีมากไปจะทำให้เยื่อบุตาและกระจกตาอักเสบเกิดต้อเนื้อ - ระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้ภูมิคุ้มกันลดลง เกิดโรคติดเชื้อต่างๆ ง่ายขึ้น      การใช้สารเคมีหลายชนิดในปัจจุบันไปทำลายโอโซนในบรรยากาศให้ลดลงอย่าง รวดเร็ว โดยเฉพาะแถวซีกโลกใต้ ปริมาณโอโซนลดลงอย่างรวดเร็ว รังสียูวีจึงตกถึงเป็นปริมาณมาก อย่างในประเทศช

การถูกแดดอย่างปลอดภัย

รูปภาพ
     ตามรายงานของ EPA (Environmental Protection Agency) ประเทศสหรัฐอเมริกา ในทศวรรษที่ 1980 นักวิทยาศาสตร์ได้รวบรวมหลักฐานพบว่า ชั้นโอโซนซึ่งป้องกันสิ่งมีชีวิตจากรังสีอัตราไวโอเลตเริ่มลดลงเนื่องจากการ ใช้สารเคมีบนโลก ตามประมาณการของหน่วยงาน The National Aeronautics and Administration ระบุว่าชั้นโอโซนเริ่มลดลงในอัตราร้อยละ 4-6 ในทุก 10 ปี ซึ่งหมายความว่ามีรังสีอัลตราไวโอเลตสู่พื้นโลกและสู่ร่างกายมนุษย์มากขึ้น ตามลำดับ อันตรายของรังสีอัลตราไวโอเลตในช่วงเวลา สั้นทำให้เกิดผิวเกรียมแดด และปวด ในช่วงเวลานานอาจทำให้เกิดฝ้า ผิวแก่ก่อนวัย ต้อกระจก ปัญหาตา มะเร็งผิวหนัง และระบบภูมิต้านทานของร่างกายลดลง ข้อแนะนำ 7 ขั้นตอนเพื่อการถูกแดดอย่างปลอดภัยโดยผู้เชี่ยวชาญจากองค์กรต่าง ๆ จำนวนมาก ขั้นที่ 1 หลีกเลี่ยงแสงแดด      การหลีกเลี่ยงแสงแดดเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะช่วงเวลาระหว่า 10.00 - 15.00 น. ปริมาณรังสีอัลตราไวโอเลตมีความแตกต่างกัน ในแต่ละวัน ในแต่ละสภาพท้องถิ่น การออกจากที่ร่มจะทำให้ได้รับรังสีอัลตราไวโอเลตมาก กรณีท้องฟ้ามีเมฆปกคลุม เมฆสามารถขัดขวางรังสีอัลตราไวโอเลต ได้เพียงร้อยละ

ใช้ครีมกันแดดอย่างไรให้เหมาะ

รูปภาพ
     ถึงแม้แสงแดดจะมีคุณประโยชน์ที่หลากหลายต่อมนุษย์ แต่การได้รับแสงแดดในปริมาณที่มากเกินไปก็อาจทำให้ผิวไหม้แดง      เกิดฝ้า กระ และทำให้ผิวดูแก่กว่าวัย ไปจนถึงอาจเกิดโรคร้ายแรงอย่างมะเร็งผิวหนัง การปกป้องแสงแดดจึงเป็นเรื่องจำเป็น และการใช้ครีมกันแดดก็เป็นทางเลือกยอดนิยมอย่างหนึ่ง หากก็ต้องเลือกและใช้ให้เหมาะสม เพื่อที่จะได้ประสิทธิภาพในการกันแดดอย่างเพียงพอ      ครีมกันแดด โดยทั่วไปมักจะบ่งบอกถึง SPF หรือ ประสิทธิภาพในการป้องกันแสงแดดชนิด UVB แต่ที่ควรใส่ใจไม่แพ้กันก็คือค่าการปกป้องรังสี UVA ซึ่งมักจะบ่งบอกไว้ด้วยคำว่า PA หรือ PPD นอกจากนี้ ครีมกันแดดที่ดีควรมี Photostability หรือความคงทนต่อแสงของครีมกันแดด ซึ่งครีมกันแดดที่ไม่คงทนต่อแสงหรือสลายไปมากกว่า 25% หลังถูกแสงยูวี จะทำให้ประสิทธิภาพในการป้องกันแสงแดดลดน้อยลง      อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะเลือกครีมกันแดดที่เหมาะสมแล้ว แต่ถ้าใช้อย่างไม่ถูกต้อง ประสิทธิภาพของครีมกันแดดก็จะลดน้อยลง อย่างเช่น การทาครีมกันแดดนั้น หากจะให้ได้ประสิทธิภาพตามที่กำหนด ก็ต้องใช้ปริมาณครีมราวหนึ่งช้อนชาต้อหนึ่งตารางเซนติเมตร หรือราวสองข้อนิ้วมือสำหรั

ใช้ครีมกันแดดแค่ไหน ถึงจะเพียงพอ

รูปภาพ
     เรื่อง ครีมกันแดด เป็นสิ่งจำเป็นมากสำหรับสาว ๆ เพราะเดี๋ยวนี้แดดร้อนแรงเหลือเกิน หากไม่ปกป้องให้ดีผิวหน้าก็คงหมองคล้ำ หมดราศีแน่นอนนะคะ แต่ต้องทาครีมประมาณไหนล่ะค่ะถึงจะปกป้องแสงแดดได้ดีที่สุด เคยสงสัยกันบ้างรึเปล่า ถ้าหากยังไม่รู้วันนี้มีคำตอบเรื่องนี้มาเฉลยให้ฟังค่ะ คำตอบก็คือ 1 ช้อนชาค่ะ เป็นปริมาณที่ดีที่สุด แต่ถ้าครีมกันแดดแบบไหนที่ความเข้มข้นมาก ก็สมารถลดปริมาณลงได้ตามสมควร แล้วทาบาง ๆ ให้ทั่วใบหน้า และควรทาซ้ำทุก ๆ 3 ชั่วโมง เพราะระหว่างวันฝุ่น และเหงื่อจะทำให้ประสิทธิภาพในการปกป้องลดลงได้ ที่สำคัญครีมกันแดดมีอายุการใช้งานแค่ 1 ปี นะคะ ไม่ว่าจะถูกหรือแพง พอครบปีก็ควรจะเปลี่ยนได้แล้วค่ะ ที่มาบทความจาก : Woman's Story

เคล็ดลับเลือกครีมกันแดดไม่ให้แก่แดด

รูปภาพ
     ใ นช่วงฤดูหนาวนี้ นอกจากอากาศหนาวเย็นจะเป็นศัตรูทำร้ายผิวให้แห้งแล้ว “แสงแดด” ก็ถือเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่มีส่วนร่วมในการทำอันตรายผิวให้เสีย เพราะปริมาณรังสีของแสงแดดในฤดูหนาวจะมีความเข้มข้นสูง ทำให้ผิวได้รังสีจากดวงอาทิตย์ในปริมาณที่มากอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะฉะนั้นการปกป้องผิวด้วยการใช้ครีมกันแดด จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ซึ่งครีมกันแดดเป็นเครื่องสำอางที่ใครๆ ก็สามารถซื้อหามาใช้ได้เอง หากแต่ถ้าจะมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับแสงแดด ก็จะช่วยเลือกครีมกันแดดที่เหมาะกับผิวและกิจกรรมของผู้ใช้ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด      แสงแดดที่ตกมาถึงโลกของเราจะมีรังสีแสงแดด ซึ่งมีความยาวคลื่น ตั้งแต่ 290-760 นาโนเมตร โดยแบ่งช่วงคลื่นเป็น 3 ช่วงใหญ่ๆ ด้วยกัน คือ ช่วงคลื่นระหว่าง 290-320 ที่เรียกกันว่า รังสี UVB หรือ รังสีอัลตราไวโอเลต (UV), ช่วงคลื่นระหว่าง 320 - 400 นาโนเมตร เรียก UVA และช่วงคลื่นระหว่าง 400 - 760 นาโนเมตร ซึ่งเป็นรังสีที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า (Visible Radiation) รังสีจากแสงแดดเหล่านี้ สามารถก่อให้เกิดปฏิกิริยาทาง เคมี และ/หรือ ฟิสิกส์กับสารเคมีในผิวหนัง ซึ่งทั้งรังสีแสง UVA แ

เทคนิคการใช้ครีมกันแดดที่ถูกต้อง หมอแนะดูแลผิวพรรณอย่างถูกวิธี

 เจ้าแม่ความงามตัวจริง...นันท วัลย์ เหล่าสินชัย และอัมพรพิมพ์ วัชราภัย.      เพื่อตอบคำถามทุก ปัญหาที่เกี่ยวกับผิวหน้า ซึ่งสร้างความกังวลใจให้ผู้หญิงจำนวนมาก เครื่องสำอาง คลีนิกข์ ภายใต้การนำของ "นันทวัลย์ เหล่าสินชัย" ได้เชื้อเชิญแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังชื่อดังของเมืองไทย มาให้ความรู้เกี่ยวกับการดูแลผิวพรรณอย่างถูกวิธี ในหัวข้อ "Dermatological Solutions for Every Concern" ณ ห้องประชุมเรณู โคตรจรัส ชั้น 6 สถาบันโรคผิวหนัง      นำโดย "นพ.จิโรจ สินธวานนท์" ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง บรรยายเรื่องผิวที่หมองคล้ำ ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่สำหรับผู้หญิงไทย คุณหมออธิบายว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผิวหมองคล้ำและหยาบกร้านเกิดจากการตกค้างของเซลล์ผิว เสื่อมสภาพ การได้รับรังสียูวีติดต่อกันเป็นเวลานาน และพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันที่ไม่ถูกต้อง เช่น สูบบุหรี่จัด พักผ่อนไม่เพียงพอ ความเครียด ออกแดดเป็นประจำ ขาดโภชนาการที่ดี และการดูแลผิวอย่างผิดวิธี      ถ้าอยากมีผิวใสไม่หมองคล้ำ คุณหมอแนะนำว่า ควรเริ่มทา ครีมกันแดด ตั้งแต่อายุ 25 ปี เพราะเป็นวัยที่เอจจิ้งโพรเซสเริ่

รีวิว ครีมกันแดด "Sunscreen Review"

รูปภาพ
Minus Facial Sun protection SPF40 ราคาประมาณ 170 บาท      เป็นครีมกันแดดที่ราคาถูก กันแดดและกันน้ำด้วย ได้ดีพอควรนะ ทาแล้วเหมือนทารองพื้นไว้ คุมมันได้ดีมาก ใช้กันแดดแล้วหน้าไม่มัน ไม่เหนียวเนอะหนะ ซึมซาบผิวได้ดี เนื้อครีมบางเบา ป้องกันแดดได้ดี แต่อาจจะล้างออกค่อนข้างยาก ครีมกันแดด Lancaster Precious Sun Global Protection Cellular Support      Lancaster - Precious Sun - Global Protection Cellular Support SPF30 , 50ml ครีม กันแดดที่สามารถปกป้องผิวจากแสงแดด พร้อมการบำรุงไปด้วยในตัว ช่วยให้ปกป้องและฟื้นฟู DNA ได้ถึงในกลางเซลล์ผิว ด้วย DNA Technology แบบเดียวกับ ใน 365 Cellular Elixir เหมาะสำหรับใช้เป็น ประจำทุกวัน และแม้ในวันทีรีบเร่ง ก็สามารถใช้เพียวตัวเดียวหลังจากทำความสะอาดผิวหน้า   ครีมกันแดด ชิเชโด้ Shiseido Anessa Perfect Pearly Sunscreen      Shiseido - Anessa Perfect Pearly Sunscreen SPF50+ PA+++ 60ml ผลิตภัณฑ์ปกป้องแสงแดด ที่ให้การปกป้องรังสี uv ทั้งภายในและภายนอก ป้องกันผิวไม่ให้หมองคล้ำ หรือ เป็นรอยแดง หลังถูกแดด ให้การปกป้องได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยาวนานกว่า

วิธีเลือกครีมกันแดด ปกป้องผิวพ้นภัยจากแสงแดดหน้าร้อน

รูปภาพ
     แ สงแดดหน้าร้อนในบ้านเราเป็นที่ทราบกันดีว่า...แรง!! เรียกได้ว่าใครที่อยู่ใต้ฟ้าเมืองไทยในช่วงอากาศร้อนๆ เช่นนี้ได้ถือว่าอึดกันเลยทีเดียว แต่กิจกรรมหนึ่งที่พลาดไม่ได้ในช่วงนี้คือการไปพักผ่อนเล่นน้ำทะเล ออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้ง ซึ่งหลายคนมักจะนึกถึง ครีมกันแดด เป็นตัวช่วยปกป้องผิวพรรณ แต่ก็ยังสับสนว่าจะเลือกใช้ครีมกันแดดอย่างไรที่มีประสิทธิภาพปกป้องผิวได้ ดี เพราะครีมกันแดดตามท้องตลาดมีหลายชนิด และอ้างถึงสรรพคุณต่างๆ มากมาย      พญ.ดวงกมล ทัศนพงศากุล อายุรแพทย์เฉพาะทางโรคผิวหนัง โรงพยาบาลเวชธานี กล่าวถึงปัญหาจากแสงแดดที่พบได้บ่อยๆ ว่า มักพบอาการผิวโดนแดดเผาไหม้ เกิดริ้วรอย ฝ้า กระ รวมถึงอาการแพ้ต่างๆ ด้วย สาเหตุที่ทำให้ผิวถูกทำร้ายจากแสงแดด ในแสงแดดมีรังสีอัลตราไวโอเลต ซึ่งรังสีนี้จะไปทำลายคอลลาเจน และอีลาสตินในชั้นหนังแท้ ทำให้เกิดริ้วรอยต่างๆ ดังนั้น ควรทาครีมกันแดดทุกวัน และควรทาครีมกันแดดก่อนออกแดดอย่างน้อย 30 นาที การทาครีมกันแดดที่ได้ผลดีควรทาให้เพียงพอ ไม่บางหรือหนาจนเกินไป แต่หากเป็นไปได้ควรหลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดโดยเฉพาะในช่วงเวลา 10.00 น - 16.00 น.      การเลือกใช้คร

PA+ / PA++ / PA+++ คืออะไร

บอกระดับการป้องกัน UVA ซึ่งมีอยู่ 3 ระดับ      PA+ สามารถกันยูวีเอได้บางส่วน ส่วนมากจะกันได้ช่วง 320-340 นาโนมิเตอร์ เท่านั้น      PA++ สามารถกันยูวีเอได้เกือบครบทั้ง 400 นาโนมิเตอร์      PA+++ สามารถกันยูวีเอได้ครบถึง 400 นาโนมิเตอร์      ซึ่งจริงๆแล้ว PA+ ก็เพียงพอในการทำกิจกรรมเกือบทุกประเภท แต่ถ้าต้องอยู่กลางแดดนานให้เลือก PA++ หรือสูงกว่า อ้างอิงที่มา : women.mthai.com

SPF คืออะไร

รูปภาพ
     SPF ย่อมาจาก Sun Protecting Factor หรือเรียกง่ายๆ ว่า ค่าป้องกันแสงแดด โดยถ้าเราเคยตากแดดแล้วผิวไหม้ใน 15 นาที แต่ถ้าทาครีมที่มี SPF6 ผิวก็จะไหม้ในเวลา 6 เท่าคือ 90 นาที ถ้า SPF8 ก็จะกลายเป็น 120 นาที หรือ 2 ชั่วโมง      ยังมีหลายๆ คนเข้าใจผิดว่าการใช้ค่า SPF สูงๆ จะสามารถป้องกันแสงแดดได้มากขึ้น แต่จริงๆ แล้ว มันไม่ได้แปรผันตามค่า SPF ที่สูงขึ้นเลย โดยครีมกันแดดที่มีค่า SPF15 นั้น สามารถป้องกันรังสียูวีบีได้ 93.3% ซึ่งถ้าเปรียบเทียบกับค่า SPF30 จะป้องกันได้เพียง 96.7% เท่านั้น      ดังนั้น ค่า SPF ที่สูงมาขึ้น ก็ไม่ได้เพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันเท่าไหร่ แถมสิ่งที่ตามมาก็คือราคาและความเหนียวเหนอะหนะเพิ่มมากขึ้น หากไม่จำเป็นก็ใช้ SPF ที่พอเหมาะ เพื่อให้ผิวหนังของเราต้องแบกรับภาระของสารเคมีที่มากเกินไป อ้างอิงที่มา : Forward Mail ที่มารูปภาพ : www.kabanaskincare.com

UVA UVB และ UVC คืออะไร

รูปภาพ
     UVA เป็นรังสีคลื่นยาว ซึ่งความยาวคลื่น 320 - 400 nm คลื่นรังสีนี้สามารถทะลุทะลวงผ่านเข้าชั้นหนังกำพร้าและหนังแท้ได้ สามารถเข้าไปทำลายโครงสร้าง สร้างความเสื่อมโทรมให้กับคอลลาเจนและอิลาสตินเจน หมดความยืดหยุ่น ก่อให้เกิดความเหี่ยวย่นของผิวหนัง แต่ไม่ทำให้เกิดการอับเสบของผิวหนัง      UVB เป็นรังสีคลื่นสั้น ช่วงความยาวคลื่น 290 - 320 nm เมื่อผ่านเข้ามาสัมผัสร่างกาย จะผ่านชั้นหนังกำพร้าแล้วหนังแท้ด้านบนเข้าไปได้เท่านั้น ไม่สามารถเข้าลึกกว่านั้นได้ แต่รังสี UVB นั้นมีอยู่มาก และเป็นสาเหตุของการเกิดผิวไหม้อับเสบ      UVC เป็นรังสีคลื่นสั้น ช่วงความยาวคลื่น 200 – 290 nm แสงช่วงนี้ส่วนใหญ่จะถูกดูดซับโดนก๊าซโอโซนในชั้นบรรยากาศ ส่งผลให้ร่างกายไม่ได้รับผลกระทบในรังสีชนิดนี้ แต่หากในอนาคต ชั้นบรรยากาศไม่สามารถดูดซับได้หมด รังสี UVC ก็จะเป็นอีกหนึ่งรังสี ที่เราจะหาทางรับมือป้องกันมัน อ้างอิงที่มา : Forward Mail อ้างอิงรูปภาพ : www.homesolariums.com